บันทึกการเดินทางไกร์เซ็นต์ไฮม์-ไมนซ์ (ตอนที่สาม)

" ข้าอยู่ที่นี่ก็วาดภาพ ปลูกดอกเหมย เอ๊ะ เจ้าชอบ ดอกเหมย มากไม่ใช่เหรอ ออกมาดูนี่สิเมื่อวานดอกเหมยบาน 2,076 ช่อ วันนี้ร่วงไป 8 ช่อ บานใหม่ 24 ช่อ รวมเป็น 2,092 ช่อ " นั่นเป็นบทสนทนาในห้วงเวลาหนึ่งของลี้คิมฮวงกับอาฮุย กระนั้นแม่นางเซียนยี้ก็อยู่ห่างจากทั้งสองแค่เพียงลมหายใจยังสัมผัสได้ เพียงว่าเป็นบทสนทนาที่สวยงามแค่นั้นเอง ไม่ได้มีสิ่งใดเกี่ยวพันกันทางภูมิศาสตร์ในการเดินทางของข้าพเจ้านัก แต่ว่าอาจมีส่วนคล้ายกันและสอดคล้องในท่วงทำนองและภาวะแห่งห้วงอารมณ์แค่นั้นเอง
“ค่ำคืนแห่งไมนซ์”นับว่าเป็นราตรีแรกที่คาดหวังจะได้โรมเร้าราตรีที่ไม่โดดเดี่ยว มันเริ่มขึ้นจากการเดินทางด้วยรถยนต์จากไกร์เซ็นต์ไฮม์(Geisenheim) หลังเลิกงานเย็นวันศุกร์ที่นี่สี่โมงเย็นก็ต้องออกจากที่ทำงานแล้วไม่อย่างนั้นคุณจะเป็นสิ่งแปลกปลอมไปโดยมิได้ตั้งใจ จุดหมายของเราคือการได้ย่ำราตรีของเมืองไมนซ์ (Mainz) การเดินทางเริ่มต้นด้วยอาศัยเพื่อนที่ทำงาน โดยจุดหมายแห่งแรกคือการนั่งเชียร์การแข่งขันฟุตบอลลีคของเยอรมันในผับสักที่หนึ่ง “ไมนซ์”คือทีมในหัวใจคุณในระหว่างที่คุณได้เหยียบมอสหรือเฟรินส์บนท้องถนนและช่องทางเดินในไมนซ์



สี่โมงเย็นหน่อยๆเราข้ามผ่านสะพานข้ามแม่น้ำไรน์กับพาหนะคู่ใจของเพื่อนเราเขาคือBenz ปี1993 เราผ่านไปตามเส้นทางระหว่างเมือง ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มของหมู่แมกไม้น้อยใหญ่สองข้างทางและมองเห็นได้ถึงความสะอาดของพื้นผิวถนนทั้งสองฟากฝั่ง ในขณะเดียวกันท้องฟ้าสีครามยามเย็นช่างดูอบอุ่นนัก พลอยให้นึกถึงเพลงของมาลีฮวนน่าโดยพลัน “ถ้าหากว่าฉันได้มุดไปในก้อนเมฆ เมฆคงจะพาฉันลอยไปแสนไกล หากว่าฉันได้ซ่อนตัวในปีกนก นกคงจะพาฉันบินกลับคืนคลอน” อย่างว่าแหละความเหงาไม่เคยปราณีใคร
ราตรีแห่งไมนซ์ช่างเต็มไปด้วยสีสัน หนุ่มสาววัยละอ่อนกระทั่งคู่รักวัยเก๋า เกี่ยวก้อยด้วยถ้อยอารมณ์ที่อ่อนไหวและน่าถวิลหากระนั้นยังแฝงไว้ด้วยแววตาที่จริงใจและซาบซึ้ง สื่อถึงสุนทรียภาพแห่งชีวิตที่รื่นรมณ์ แล้วจะมีอะไรมากกว่านี้อีกเล่าเจ้ามนุษย์น้อยผู้จองหอง รสชาดของเบียร์เย็นฉ่ำกับความหวานแห่งอารมณ์ช่างกลมกลืนนัก สาวน้อยใหญ่ที่เยื้องกายเข้ามาสัมผัสณ.ที่แห่งนี้ดูช่างน่าชื่นชมและน่าหลงไหลซะจริง ช่างเป็นยามค่ำคืนที่สวยงามที่สมควรแก่การฝังรากแห่งความทรงจำนักแล
ระหว่างสองข้างทางที่ได้สัมผัสช่างเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและรอยยิ้ม เพราะเหตุว่าผู้กำชัยในฟุตบอลแมทช์นี้คือทีมของไมนซ์นั่นเอง ซึ่งพอที่จะชดเชยความพ่ายแพ้ที่เพื่อนต่างทีมได้ยัดเยียดให้ในคราวที่ผ่านมาได้ สอบถามได้ความว่าแมทช์ที่ผ่านมาผู้รักษาประตูได้กระทำการอันไม่น่าชื่นชมด้วยการเอาลูกกลมๆลอดผ่านหว่างขาเข้าไปสัมผัสความหยาบกระด้างของตาข่ายถึงสองครั้งด้วยกัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เรื้อรังในอารมณ์ของเหล่าบรรดากองเชียร์ไมนซ์มากทีเดียว กระทั่งพอที่จะลดระดับความน่าเชื่อถือของผู้รักษาประตูได้มากทีเดียว และแล้วด้วยความหยาบกระด้างและความเหนียวหนึบกลับมาอีกครั้งของผู้รักษาประตู เขาสามารถที่จะหยุดการรุกรานของฝ่ายตรงข้ามได้นั่นแหละ Man of the match ถึงจะได้รับการเอ่ยถึงอีกครา

(ด้วยความผิดพลาดบางประการจึงไม้ได้เตรีมการเรื่องชาร์ตแบทเตอรี่สำหรับกล้องก็เลยไม่มีเหตุการณ์หรือรูปภาพที่ดูดีและน่าพิศวงมากกว่านี้มาให้ดูชม)
สามทุ่มในผับแถวนี้ช่างคราคร่ำไปด้วยบรรดาสาวน้อยใหญ่ที่แต่งตัวดูน่ารักน่าเอ็นดู สังเกตุดูที่นั่งต่อโต๊ะหนึ่งชุดก็จะมีแค่สามที่เท่านั้นเอง เป็นไปได้ว่าจากพฤติกรรมของนักดื่มที่เข้ามาแวะเวียนในที่แห่งนี้คงไม่ได้มาเป็นกลุ่มใหญ่บ่อยนัก ในระหว่างนั้นก็จะมีนักมายากล มานั่งดื่มแล้วก็กระทำการในสิ่งที่เหมาะเจาะเหมาะสมกับบรรยากาศดีทีเดียวกระนั้นยังแฝงไว้ด้วยความน่าพิศวงในคราวเดียวกัน แต่ในความพิศวงนั้นก็มิได้ถูกเฉลยเพราะเหตุว่าเราออกมาก่อนเหตุว่าจะต้องกลับที่พักในค่ำคืนเดียวกัน
ก่อนลาจากในคืนค่ำก็ตกลงว่าตามด้วยเหล้าที่ส่งกลิ่นอันหอมกรุ่น กระนั้นเองยังสังเกตุเห็นรอยต่ออันมากด้วยเหลี่ยมคมและแสงเงาของก้อนน้ำแข็งที่เบียดเสียดพื้นที่ของแก้วรูปร่างเพลินตาในคราวที่กระทบแสงไฟระยิบระยับตา คิดย้อนกลับวันที่ผ่านมาพอจะบอกได้ว่าเป็นน้ำแข็งสองก้อนแรกในหลายวันที่ผ่านมาที่ได้ลิ้มรสความฉ่ำเย็นและกลมกล่อมและสมบูรณ์ของรสชาดที่นุ่มละมุนยามเมื่อไหลผ่านลำคอ กระนั้นยังแฝงไว้ด้วยความหอมกรุ่นของวิสกี้เมืองหนาวณ.ลุ่มแม่น้ำไรน์อันเลื่องชื่อในประวัติศาสตร์

ไว้ติดตามตอนต่อไป
ผมเองครับ….ชาติ
หลายวันผันผ่านในไกรเซ็นต์ไฮม์
19 กันยายน 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น