บันทึกการเดินทาง กรุงเทพ-แฟรงค์เฟิร์ท-ไกรเซ็นต์ไฮม์ (ตอนที่หนึ่ง)

“การบินไทยขอต้อนรับท่านผู้โดยสารด้วยบริการเอื้องหลวง ที่จะสร้างความพอใจแก่ท่านอย่างสูงสุด ในเที่ยวบินนี้เราภูมิใจที่จะบริการท่านด้วยอาหารที่ผ่านการปรุงรส แต่งอย่างประณีตพิถิพิถันอีกทั้งยังได้ประโยชน์จากสมุนไพรที่ใช้ในการประกอปอาหารไทย และเพิ่มความรื่นรมณ์ด้วยการเลือกสรรไวน์ชั้นเลิศมาบริการแก่ท่าน”นั่นเป็นสาส์นฉบับแรก ที่เราได้รับจากมือของพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบิน TG 922 J BOEING 747-400 BUSINESS CLASS SEAT NO18J ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 12:45 คาดว่าจะถึงปลายทางที่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ทเวลา 19:00 ตามเวลาท้องถิ่น (บ้านเราก็เที่ยงคืนนะเพราะเวลาบ้านเราเร็วกว่า หกชั่วโมง) เพื่อที่เราจะได้อ่านเมนูอาหารที่มีชื่อแปลกๆ นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเราเคยลิ้มรสชาดที่ไหนมารึเปล่า อีกทั้งไม่มีรูปภาพให้ดูหรอก อยากจะบอกว่าร้านลาบยโสปากซอยบ้านเรายังมีภาพสีให้ดูด้วยนะ ทั้งๆที่ไอ้ลาบ น้ำตกที่เรากินเข้าไปก็เห็นมันจนที่เราเองสามารถที่จะมโณภาพแล้วก็ลงมือเขียนเป็นภาพวาดสีน้ำมันใด้เลย





แต่ในขณะเดียวกันก็มีรายการเครื่องดื่มที่หลากหลาย แต่ต้องขอโทษคนที่ไม่ชอบเครื่องดื่มที่ผ่านการหมักการบ่มการกลั่นนะ เพราะว่าเขาไม่มีนมไว้บริการ แต่ก็ยังมีชา กาแฟ หลากหลายรสชาดให้ได้ลิ้มรส ส่วนเรานะเหรอ เฮ่อๆๆๆ ยิ้มละไมในฐานะผู้กำชัย เพราะในรายการที่อ่านผ่านๆ ไม่น่าจะมีอะไรที่เราเคยรังเกียจมันแม้แต่น้อยเลยขอบคุณการบินไทย


หลังจากนั้นสักครู่ทางกัปตันก็ได้ให้เราชมวีดีโอเกี่ยวกับความปลอดภัยบนเครื่องบินแล้วก็แจ้งเส้นทางการบินโดยเริ่มจาก Thailand, Myanmar, India, Bangladesh, India, Pakistan, Afghanistan, Uzbekistan, Kazakhstan, Russia, Belarus, Poland, Germany หลังจากนั้นแล้วก็เป็นคิวของการบริการเครื่องดื่มเราก็เลยสั่ง Bacardi Rum เป็นอย่างแรกเติมน้ำแข็งสักสองก้อนไม่งั้นมันจะได้รสชาดที่แข็งเกินไป ต้องให้นุ่มนวลแก่ลำคอหน่อยนะ เดี๋ยวเมาซะก่อนหละแย่แน่ๆ เพราะว่าต้องนั่งอยู่บนเครื่องตั้งสิบสองชั่วโมงนะ ใช่ว่าจะแวะไปอ๊วกแถวๆปั๊มเจ็ทได้


อาหารมื้อแรกก็ประมาณเวลา บ่ายโมงหน่อยๆ ก็เริ่มจากเรียกน้ำย่อยด้วยทอดมันปลากับอาจาด กุ้งปรุงรสสมุนไพร แฮมอิตาเลียนรมควันกับแตงหอม สลัดมันฝรั่งกับมายองเนส สลัดผักสดกับน้ำสลัดอิตาเลียน ก็ย่างละนิดละหน่อยนะ พอได้ให้กระเพราะได้ปรับตัวก่อนที่จะอัดมื้อหลักตามลงไป
ส่วนอาหารจานหลักก็มี หอยเชลล์จากสหรัฐอเมริกาผัดซอสแบบจีน (ไม่รู้ว่ารสชาดมันต่างกับหอยหวานแถวบ้านเราแค่ไหน) ส่วนเครื่องดื่มเราก็ใช้บริการของไวน์แดงเบอร์กันดี ก็แก้เลี่ยนได้ดีหละและก็นั่นเป็นเครื่องดื่มที่เราลิ้มลองตลอดการเดินทาง


หลังจากอิ่มกับอาหารมื้อแรกที่เราไม่สามารถกลั่นจากปากมาให้ได้รับรู้ว่ามันอร่อยไหม เพราะถ้ากลับไปอ่านด้านบนมันก็ไม่มีคำว่ารสชาดอร่อยเหาะแทรกอยู่ตรงไหนเลยนะ
ยังดีหน่อยที่ชั้นธุรกิจนี่ก็มีภาพยนต์มีเพลงให้เราได้เลือกดูชมแก้เบื่อได้พอสมควร แต่ว่าภาพยนต์ทั้งหมดมันไม่มีบรรยายไทยนะ มีจีน เกาหลี ญี่ปุ่นประมาณนั้น ส่วนเพลงนี่ก็มีเพลงไทยค่อนข้างเยอะนะ ใครที่ชอบฟังก็ไม่ผิดหวังหรอก เพลงบรรเลงไทยเดิมก็มี
หลังจากนั้นก็มาถึงอาหารมื้อที่สองเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง (เวลาประเทศไทย) อาหารมื้อที่สองก็มาถึง อาหารจานแรกก็ หน่อไม้ฝรั่งพันด้วยแฮมอิตาเลี่ยนลมควัน พาสต้าหอยเชลล์กับพริกหวานปรุงรสอิตาเลียนวินนะเกรท ส่วนอาหารจานหลักก็บะหมี่ผัดกับหมูแดง
หลังจากนั้นเราก็มาเปิดดูข้อมูลการบินบนจอที่แสดงข้างหน้าก็จะบันทึกไว้ดังต่อไปนี้


ข้อมูลการบิน (ขณะบันทึก)
ระดับความสูง 11,583 เมตร
ระยะถึงปลายทาง 906 กม
ระยะจากต้นทาง 8745 กม (ระยะทางประมาณ 9651 กม)
ประมาณเวลาถึงปลายทาง 18:45 (ขณะบันทึก)
ความเร็วภาคพื้นดิน 850 กม ต่อ ชม
ระยะเวลาถึงปลายทาง 1:16 (ขณะบันทึก)
เวลาท้องถิ่นปลายทาง 17:31 (ขณะบันทึก)
อุณหภูมิภายนอก -54 deg. C
เวลาท้องถิ่นที่ต้นทาง 22:31
ลมประทะ 105 กม ต่อ ชม

ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับเยอรมัน
ที่ตั้ง
ยุโรปกลาง มีพรมแดนติดทะเลบอลติคและทะเลเหนือ ระหว่างประเทสเนเธอแลนด์ โปแลนด์ และเดนมาร์คตอนใต้
พื้นที่ 357,021 ตร. เมตร
สภาพอากาศ อบอุ่นและมีลมทะเล ชุ่มชื้นในหน้าหนาวและหน้าร้อน
ลักษณะภูมิประเทศ ราบลุ่มทางเหนือ เนินเขาทางภาคกลางและเทือกเขาแอลป์ทางใต้
จุดต่ำสุด / สูงสุด ทะเลสาบพรีปซัม 2 เมตร / เขาซูกสปิดส์ 2936 เมตร
จำนวนประชากร 82,398,326

18:30 น (ตามเวลาท้องถิ่น บ้านเราก็ห้าทุ่มครึ่ง) ก็ถึงสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท ถือว่าเร็วกว่ากำหนดครึ่งชั่วโมงเพราะเหตุว่าไม่มีอุปสรรคใดๆในระหว่างการเดินทาง
จากนั้นก็เดินมาตามที่ป้ายที่เขียนว่า Baggage Claim ในขณะเดียวกันเราเองก็ต้องสังเกตุกลุ่มคนที่มาด้วยกันแหละ ต้องคอยระวังเดินตามควรหลังเขาไป ไม่งั้นหลงทางหละเสียเวลาแย่ ด่านแรกที่ต้องผ่านก็คือ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจ Passport, Visa เขาก็จะถามเราว่ามาทำอะไร ถือวีซ่าอะไร อย่าได้เผลอตอบวีซ่ากรุงไทยนะ นั่นมันบัตรเครดิต เดี๋ยวโดนกักตัวละซวยแน่เลย
จากนั้นเขาก็จะประทับตราลงวันที่ที่เรามาถึงให้ จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ ลงบันใดเลื่อนไปด้านล่างแต่จำไม่ได้ว่าชั้นไหนหรอก จากนั้นก็จะถึงชั้นที่มีสายพานลำเรียงเยอะๆ ก็จะมีจอมอนิเตอร์ยี่สิบนิ้วกว่าๆประมาณนั้นหละให้เราอ่านว่า เที่ยวบินไหน มาจากไหน สามารถรับกระเป๋าได้ที่ช่องลำเลียงที่เท่าไหร่ ทั้งหมดมียี่สิบสองสายพานลำเลียง ของเรารอที่สายพานที่ยี่สิบสอง


หลังจากที่เราได้กระเป๋าครบแล้ว ก็ต้องผ่านศุลกากร เพื่อตรวจสอบของในกระเป๋าว่ามีอะไรที่จะต้องเสียภาษีไหม ซึงในสหภาพยุโรปห้ามน้ำเข้าเนื้อสัตว์และนม อาจจะเป็นการป้องกันเรื่องโรคติดต่อก็อาจเป็นได้ เขาก็จะถามเราว่ามาทำอะไร แล้วก็พกตังค์มาเท่าไหร่ เราบอกว่าเราพกมา 365 EURO (48.9 bht * 365 = 17,848 bht) มาเยี่ยมชมบริษัทเรา เขาก็คงงงแหละสามร้อยยูโรหน่อยๆทำไมมันน้อยจัง เขาก็ถามอีกว่ามี Dollarsอีกไหม เราก็บอกมีแต่เงินไทยประมาณห้าพัน เราก็บอกเขาไปว่าค่าโรงแรมค่าอาหารทางบริษัทเขาจ่ายให้ เขาก็ให้ผ่านไปได้ จากนั้นก็ออกตามช่องผู้โดยสารขาออก เราก็มองหาคนที่จะมารับเรา เอทำไมไม่เห็นป้าย MAN เลยนะเราก็เดินหาแถวๆนั้นอีกรอบก็ไม่มี ก็สังเกตุเห็นคนเดินมาจากอีกฝั่งนึงเยอะเหมือนกัน เราก็เลยลองเข็นรถสัมภาระเราไป แล้วก็จะมีอีกที่นึงที่เป็นช่องผู้โดยสารขาออก ค่อยยังชั่วหายใจโล่งเห็นป้าย MAN เต็มหน้ากระดาษ A4 สีเหลือง มีลูงถืออยู่บังเอิญข้างๆลุงก็มีอีกบริษัทนึงแต่ไม่ได้อ่านเลยหละว่าบริษัทอะไร เราเองพุ่งเป้าไปจุดเดียว แต่สังเกตุดูสายตาของทั้งสองคนพุ่งตรงมาที่เรา อาจเป็นได้ว่ามารอผู้เดินทางมาจากเมืองไทยเหมือนกัน



ช่วงที่เดินทางออกจากสนามบินก็มีฝนตกหน่อยๆ อากาศเย็นเหมือนกันแต่เราก็มีเสื้อสูทรมาด้วยก็ช่วยได้เยอะ ในระหว่าการเดินทางจากสนามบินเพื่อที่จะมาที่โรงแรมที่ Giesenheim ถนนหนทางสะดวกดีมากมีสามช่องทาง ความเร็วที่จำกักก็130 กม/ชม ไม่มีติดไฟแดงเหมือนบ้านเรา ช่วงที่ตัดถนนผ่านกันจะเป็นการทำสะพานข้ามทั้งหมด ก็นับว่าเป็นการก่อสร้างการลงทุนที่คุ้มค่าถ้าเทียบกับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของพลเมือง สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี นี่ถ้าเป็นบ้านเราเขียวๆแบบนี้ ร้านไก่ย่างเต็มสองข้างทางแน่ หรือไม่ก็เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงวัว ควายไปซะเลย





ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินถึงที่หมายประมาณครึ่งชั่งโมง เวลาก็ทุ่มนึง (บ้านเราก็เที่ยงคืน) ที่พักก็สบายๆเงียบๆห้องไม่ใหญ่หรอก ไม่มีแอร์ ตู้เย็น ไม่มีน้ำดื่มสองขวดเหมือนบ้านเรา แต่เขาจะมี ฮีตเตอร์ที่ใช้ความร้อนจากน้ำร้อนเข้ามาติดตั้งไว้ใกล้ๆกับเตียงนอน เพื่อจะได้รับความอบอุ่นในขณะที่เรานอน หลังจากที่มาถึงก็เก็บเสื้อผ้าของใช้ออกจากกระเป๋า อาบน้ำซะหน่อยหลังจากต้องเหนื่อยล้ามาหลายชั่วโมง ก็มีน้ำที่ร้อนๆไหลผ่านร่างกายก็ทำให้สดชื่นขึ้น แต่ก็อาบนานไม่ได้นะ เพราะอากาศรอบนอกก็หนาวเย็นพอได้
หลังจากนั้นก็ลองเดินออกไปใกล้ๆที่พัก ดูมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้มาเยือนมั่ง มันช่างเงีบยสงบเสียเหลือเกิน ถ้าเป็นบ้านเราอย่างน้อยก็มีหมาเห่าหละ แต่ช่างเป็นบรรยากาศที่ตรงข้าม รู้สึกหนาวๆต้องกลับเข้าห้องพัก กว่าจะหลับได้ก็ดึกมากๆ ร่างกายอาจต้องการที่ปรับตัวก็เป็นได้
สวัสดีตอนเช้า Guten Morgen (กูเทิน มอร์เกิน) เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาเจ็ดโมงช่างหนาวเย็นดีจัง มองออกไปนอกหน้าต่างมีฝนตกพรำๆ ต้องตื่นขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้า ต้องรีบๆหละเพราะหนาวซะจริง เพราะงั้นก็อย่าได้แปลกใจเลยนะที่บางคนไม่ค่อยชอบที่จะอาบน้ำเพราะมันหนาวเย็นยะเยือกเลยหละเดินจากห้องตรงไปหน่อยนึงก็จะเป็นห้องอาหารเช้า ก็มีให้ได้เลือกทานได้หลายอย่างนะ ในสไตค์ของเยอรมันหละ ที่โรงแรมในบ้านเราดูๆก็เป็นวัตถุดิบที่คล้ายๆกันแต่เรามีการปรับปรุงบางอย่างให้เข้ากับลิ้นอย่างเรามันก็เลยจะได้รสชาดที่เข้มข้นขึ้นมาหน่อยนึง แต้ก็ถือว่าใช้ได้หละทดแทนความวิตกกังวลในช่วงกลางคืนได้ ว่าเช้าขึ้นมาจะไปทานอาหารเช้ายังไงหนอ เพราะคุณป้าที่ดูแลสถานที่แกก็พูดเยอรมันอย่างเดียวเลย






เพื่อให้อาหารเช้าได้ย่อยอย่างเป็นระบบ ก็เลยต้องออกไปสูดดมกลิ่นอายเยอรมันในตอนเช้า ก็มีฝนลงมาหน่อยๆ แต่เดินหาร้านค้าที่ขายร่มยังไม่เห็นมี อาจจะยังเช้าอยู่ ก็มีคนไม่มากนะ สงบจริงๆเงียบจริงๆ ท้องฟ้าก็มืดมัวพอประมาณ ก้ได้แต่หวังว่าบ่ายๆจะมีแดดบ้างเพื่อจะได้เดินได้สะดวก อย่าลืมหละใครที่จะมาเที่ยวเยอรมัน ควรเตรียมร่ม เสื้อกันฝนมาด้วย เพราะมันไม่ได้หาซื้อง่ายๆเหมือนบ้านเรา ของใช้ส่วนตัวเตรียมมาให้ครบนะ ยาสีฟัน ยาสระผม อื่นๆอีมากมายเพราะราคาที่นี่ค่อนข้างแพง แล้วก็หาซื้อยาก ไม่มี 7-11 หน้าปากซอยเหมือนบ้านเรานะสิ นี่ก็เที่ยงครึ่งแล้วนะ ต้องออกไปเตร็จเตร่ตามระแวกซอกซอยของ Giesenheim อีกสักรอบเพราะตอนนี้ไม่มีฝนแล้ว แล้วจะมาเล่าต่อตอนต่อไปนะ






ผมเองครับ….ชาติ
วันแรกในไกรเซ็นต์ไฮม์
13 กันยายน 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น